Search

ในช่วงเวลาที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดสูงเกือบวันละสองหม...

  • Share this:

ในช่วงเวลาที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดสูงเกือบวันละสองหมื่น (ซึ่งเป็นยอดที่น้อยกว่าความเป็นจริงเพราะยังไม่ได้รวมคนไข้ที่ตรวจพบด้วยวิธี Antigen Test Kit) การที่จะช่วยชีวิตคนไข้ได้ คือการจ่ายยา Favipiravir ให้กับคนไข้ที่มีความเสี่ยงและมีข้อบ่งชี้อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้การติดเชื้อเป็นมากจนเกิดการติดเชื้อที่ปอดจนเสียชีวิตในที่สุด

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรบูรณาการการทำงานเพื่อให้การตรวจหาเชื้อเป็นไปได้ง่ายขึ้นและสามารถได้รับยา Favipiravir อย่างรวดเร็ว เพราะสถานการณ์ตอนนี้คือ

1. เมื่อมีไข้หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อ ก็ยากที่จะหาที่ตรวจหรือหาชุด Antigen Test Kit มาตรวจเองได้

2. เมื่อตรวจแล้วก็ยากที่จะลงทะเบียนให้เข้าในระบบของสปสชหรือติดต่อ 1330 ได้

3. แม้จะลงทะเบียนในระบบได้ ก็ยังใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมีแพทย์ติดต่อเข้ามาหรือมีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ไม่มีแพทย์โทรมาจนอาการทรุดหนัก

4. แม้จะมีแพทย์โทรมาแล้ว แต่กว่ายาจะส่งถึงก็ใช้เวลาเป็นวันหรือหลายวันหรือคนไข้บางคนก็ไม่ได้ยาเลย

5. คนไข้ไม่น้อย ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาจนอาการทรุดและเสียชีวิตอยู่กับบ้านและไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าตายจากโควิดด้วยซ้ำ

6. ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ว่าหากลงทะเบียนกับ 1330 ได้แล้วจะมีแพทย์โทรหาวันละ 2 ครั้งและมีอาหาร 3 มื้อ และยาส่งถึงบ้่าน จึงมีคนไข้ที่ไม่ได้รับการดูแลแบบนี้จริงเป็นสัดส่วนที่สูงมาก ทั้งที่ลงทะเบียนไม่ได้ หรือลงได้แล้วแต่ยังค้างในระบบ เพราะจำนวนคนไข้สูงกว่าคนทำงานมาก

7. ส่วนเรื่องเตียงรับคนไข้อาการหนักนั้น โรงพยาบาลทุกแห่งเตียงล้นไปนานแล้ว ดังนั้นการป้องกันไม่ให้คนไข้อาการหนักจึงเป็นหนทางสำคัญที่สุดในการรับมือการติดเชื้อตอนนี้ นั้นคือการได้รับยา Favipiravir ให้เร็วขึ้นนั่นเอง แม้อาจจะเสี่ยงกับการดื้อยาในอนาคต แต่ปัจจุบันทำได้แค่นี้

ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เข้าถึงการตรวจได้เร็วและได้ยา favipiravir ได้เร็วขึ้นจึงต้องมีการคิดหาวิธีการทำงานใหม่ ไม่ว่าจะเพิ่มจุดตรวจ การจ่ายยาทันทีที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด

แต่ปัญหาที่ตามมาอีก หลังจากที่ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ คือจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานขึ้น คือตัวเลขจะทะลุสองหมื่นแน่นอน (ในความเป็นจริงน่าจะเกินไปนานแล้ว) และคนไข้หนึ่งคนที่ต้องได้ยา Favipiravir จะต้องได้อย่างน้อย 50 เม็ด ดังนั้นหากผู้ติดเชื้อสูงถึงวันละ 20,000 คน หมายความว่าเราจำเป็นต้องใช้ยา Favipiravir ถึงวันละ 1 ล้านเม็ดเลยทีเดียว!

ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องประชุมกันแล้วว่าจะทำอย่างไรให้เรามียาใช้อย่างเพียงพอเพราะความต้องการยาจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และขณะโรงพยาบาลตามต่างจังหวัดก็เริ่มพบว่า Stock ยา Favipiravir ก็ไม่พอกันแล้ว

และก็นำมาซึ่งปัญหาที่ต่อเนื่องคือการฉวยโอกาสนำยา Favipiravir มาขายในช่องทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ทราบว่าผู้ขายเอายามาจากไหน แต่มีการเสนอขายในราคาที่สูงมาก เพราะอาศัยความกลัวที่ว่ายาอาจจะไม่พอหรือแม้ว่าจะมียาก็อาจจะส่งมาถึงช้าเกินไป ทำให้มีการขอซื้อยาผ่านช่องทางที่ผิดกฎหมายนี้เพิ่มขึ้น และราคาก็ยิ่งถีบตัวสูงขึ้นตามความต้องการ

วิธีการแก้การเอาเปรียบและฉวยโอกาสแบบนี้คือการที่รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมียา Favipiravir เพียงพอแน่นอนไม่ว่าสถานการณ์จะแย่กว่านี้ก็ตาม และจะมีการนำจ่ายยาให้คนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที มิฉะนั้นก็จะเกิดการซื้อขายยา Favipiravir แบบผิดกฎหมายมากขึ้น

ไม่ต้องสอบถามหมอว่าเขาหาซื้อยา Favipiravir กันจากที่ไหน เพราะหมอเองก็ไม่สามารถตอบได้ แต่ผู้ที่ติดเชื้อและกังวลว่าจะติดเชื้อเชื่อว่าจะต้องเจอการโฆษณาขายยา Favipiravir แบบผิดกฎหมายนี้ได้ไม่ยากและไม่มีทางรู้ว่าจะโดนหลอกหรือได้ยามาจริง

ในสถานการณ์แบบนี้ การฉวยโอกาสหาผลประโยชน์มันมีอยู่จริงเสมอ ไม่ต่างจากปีที่แล้วที่ mask ขาดแคลนในตลาดจนราคาพุ่งทะยานสูง ซึ่งเราน่าจะยังจำกันได้ ในปีนี้ยา Favipiravir ก็จะดำเนินตามรอยแบบเดียวกัน ตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมันกับประชาชนได้


Tags:

About author
เพจด้านการแพทย์ที่มุ่งให้ความรู้และช่วยเหลือผู้ที่ต้องการข้อมูลทางศัลยกรรมตกแต่งที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและเชื่อถือได้โดยอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์การศึกษาต่อและดูแลรักษาคนไข้ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกามาเกือบยี่สิบปี ปัจจุบันเป็นสมาชิกของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทยและสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ ติดตามอ่านบทความที่ผมเขียนได้ที่ http://drsurawejrama.wordpress.com/ นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม ศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยเฉพาะปัจจุบันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รับผิดชอบเกี่ยวกับการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์และฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งรวมถึงการให้บริการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติบริเวณใบหน้าและศัลยกรรมตกแต่งทุกชนิดรวมถึงงานวิจัยที่มุ่งพัฒนามาตรฐานการดูแลผู้ป่วยของประเทศไทย จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและศึกษาต่อเฉพาะทางด้านศัลยกรรมทั่วไปที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และด้านศัลยกรรมตกแต่งที่โรงพยาบาลรามาธิบดีหลังจากบรรจุเป็นอาจารย์แล้วได้ไปศึกษาต่อด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าที่ Chang Gung Memorial Hospital ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียและเป็นที่หมอเกาหลีมาดูงานการผ่าตัดใบหน้าจำนวนมาก หลังจากศึกษาต่อที่ไต้หวันเป็นเวลาหนึ่งปีก็ได้ศึกษาต่อเพิ่มเติมที่หน่วยศัลยกรรมตกแต่ง University of Washington, Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านแพทยศาสตร์ระดับ Top10 ของอเมริกาและมีความโดดเด่นด้านการวิจัยซึ่งหลังจากนายแพทย์สุรเวชได้ศึกษาต่อหนึ่งปีก็ได้รับทุน fellowship จาก National Institutes of Health(NIH) ของอเมริกาให้ทำงานด้านการวิจัยด้านสเตมเซลและการรักษาแผลเป็นอีกเป็นเวลาสามปีมีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับโลกและได้รับการชักชวนจาก Professor หลายท่านให้ทำงานต่อที่อเมริกาแต่เนื่องจากความต้องการจะทำงานเพื่อช่วยเหลือคนไทยจึงได้ปฎิเสธข้อเสนอเหล่านั้นไป ปี 2554 นายแพทย์สุรเวชได้เดินทางกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลรามาธิบดีและได้พัฒนาโครงการวิจัยเกี่ยวสเตมเซลจากไขมันการวิจัยเพื่อป้องกันแผลเบาหวานและการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับศัลยกรรมตกแต่งผ่านสื่อของRama Channel, หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, มติชน, นิตยสาร Cosmetics, นิตยสาร Allure, นิตยสารHug(7-11) นอกจากนั้นยังรักษาผู้ป่วยทุกระดับชั้นเช่นลุงกุ๋ยผู้ป่วยที่มีใบหน้าพิการไม่สามารถหลับตาและทานอาหารได้ให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและเป็นได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้และเรื่องเด่นเย็นนี้ทางไทยทีวีสีช่อง3 ปัจจุบันนี้นายแพทย์สุรเวชให้บริการตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นหลักและมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการในโรงพยาบาลของรัฐให้เป็นที่พึ่งพาแก่ประชาชนทุกคนอย่างดีที่สุดโดยเสียค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุดและต้องการที่จะให้ประชาชนและผู้ป่วยได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจก่อนเข้ารับการรักษาโดยไม่ถูกบิดเบือนจากการโฆษณาและการตลาด ติดตามและพูดคุยกับนายแพทย์สุรเวชได้ที่ Website : http://drsurawejrama.wordpress.com/ Email : [email protected] FB page : https://www.facebook.com/drsurawejrama
Page for everyone who want straight talk about Cosmetic Surgery: A Guide for making informed decision and avoid useless treatments by Dr Surawej Numhom
View all posts